13 ธันวาคม 2552

Backup/Export ข้อมูลใน Zotero

พอดีมีผู้สนใจถามมาเกี่ยวกับเรื่องการ Backup ข้อมูลใน Zotero นะครับ ผมเลยเอามาเขียนให้อ่านกันโดยทั่วๆ ใครที่ยังไม่รู้จัก Zotero ผมแนะนำให้ลองใช้ดู ยังไงลองอ่านเรื่องเกี่ยวกับ Zotero ได้ในหน้านี้นะครับ



โดยปกติแล้ว Zotero นั้นจะเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เราได้ทำการบันทึก ทั้งในเรื่องของรายการ และไฟล์แนบ (เช่นพวก PDF หรือ Snapshot ทั้งหลาย) เอาไว้ในโฟลเดอร์ Zotero ที่อยู่ย่อยของโฟลเดอร์ Profile ของ Firefox อีกที โดยส่วนใหญ่ของผู้ใช้วินโดวส์ Vista/7 ก็จะอยู่ลึกมาก (เช่นของผมนั้นอยู่ที่ C:\Users\Pawin Numthavaj\AppData\Roaming\Mozilla\Firefox\Profiles\oc7s70ri.default\zotero\storage เป็นต้น) สำหรับวิธีการหาโฟลเดอร์นี้โดยง่ายก็คือการเข้าไปที่ Preference -> Advance -> Show Data Directory ดังวิธีต่อไปนี้ครับ





  1. คลิ๊กตรงรูปเฟืองใน Zotero

  2. เลือก Preferences

  3. คลิ๊กตรง Advanced

  4. คลิ๊กที่ Show Data Directory


หน้าตาของโฟลเดอร์ที่สามารถ Backup ไว้ก็จะปรากฏออกมาครับ เราสามารถคัดลอกทั้งหมดนี้ไปเก็บไว้ต่างหาก ไว้เผื่อเวลาที่เกิดความเสียหายกับเครื่องได้เลยครับ




โดยถ้าเราเกิดทำเครื่องพังไป เราสามารถคัดลอกไฟล์ทั้งหมดที่เคย Backup เอาไว้กลับมาไว้ตรงโฟลเดอร์นี้ (เปิดด้วยวิธีเดียวกัน) สิ่งต่างๆที่เราเคยทำไว้ก็จะกลับมาได้ทั้งหมดครับ



นอกจากวิธีที่จะ Backup ทั้งหมดแล้วเรายังสามารถเลือก Backup เป็นส่วนๆ ได้ด้วยการอาศัยคำสั่ง Export ตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ




  1. คลิ๊กขวาตรงโฟลเดอร์ที่ต้องการส่งออก/Backup (จะคลิ๊กขวาทั้ง My Library เลยก็ได้ไม่ผิดกติกา)

  2. เลือก Export Collection

  3. เลือก Format เป็น Zotero RDF ถ้าต้องการเก็บไฟล์ที่แนบเอาไว้ด้วยก็อย่าลืมติ๊กเลือก Export Files นะครับ

  4. พิมพ์ชื่อที่ต้องการ แล้วกด Save


เมื่อส่งออกไปแล้วจะเป็นโฟลเดอร์ที่เก็บไว้ครับ ถ้าเราต้องการนำเข้าก็ง่ายๆ แค่เลือก Import จากเมนูเฟืองเท่านั้นเองครับ


 


แต่เท่านั้นยังไม่พอ (ดูมันง่ายไปไหม) ผมแนะนำบริการใหม่ที่จะมีมาอวดโฉมกันใน Zotero 2.0 ซึ่งยังไม่คลอด แต่มีให้ทดลองใช้กันก่อน (ผมใช้อยู่ก็พบว่าไม่เกิดปัญหาอะไรนะครับ) โดยเราสามารถที่จะ Sync สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องเรา ไปเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูลออนไลน์ได้เลยทีเดียว


ก่อนอื่นก็ต้องขอให้ติดตั้ง Zotero รุ่น 2.0 กันก่อนครับ ขั้นตอนก็ง่ายๆ เหมือนรุ่น 1.0 เพียงเข้าไปที่เว็บ http://www.zotero.org แล้วเลือกปุ่ม try out 2.0 beta รอสักครู่ เลือก Install และรอโหลดก็จะได้มาใช้กันแล้ว (ใครกดแล้วมันเงียบแต่มีปุ่มขึ้นให้กด Allow ก็ให้กดไปนะครับ)



ถ้าอัพเกรดมาจากรุ่น 1.0 ก็จะมีให้รออัพเกรดเล็กน้อย



หลังจากเปิดมาแล้วเราจะพบกับหน้าตาที่แปลกไปกว่าเดิมเล็กน้อย และที่ผมอยากให้สนใจคือปุ่มรูปลูกศรโค้งๆ ด้านขวามือนี่ละครับ



ถ้าเรากดปุ่มนี้ เบื้องต้นมันจะเข้าไปที่หน้า Sync ของ Zotero ให้กรอกพวก User Name, Password ของ Zotero ถ้าใครยังไม่มีก็สามารถเข้าไปสร้างแอคเค้าท์กันได้ตามลิงค์ Create Account ที่อยู่ในหน้านั้นเลยครับ



อนึ่ง หลังจากทำการ Sync แล้วรายการต่างๆ ของเรานั้นจะไปอยู่บนคอมพิวเตอร์เซอร์เวอร์ของ Zotero ด้วย โดยถ้าเราทำในคอมเราหายและต้องการให้ Sync ย้อนกลับมาที่เครื่องเรา ก็เพียงเลือก Restore from Zotero Server เท่านั้นเองครับ


ดูง่ายดีไหมครับ นอกจากนี้แล้ว หากเราเข้าไปยังเว็บ http://www.zotero.org แล้วเลือก Login ตาม User Name ที่เราสร้างไว้ รายการต่างๆ ของเราก็จะอยู่ในนั้นด้วยครับ! ซึ่งรายการที่อยู่บนเว็บนี้ยังรวมทั้ง PDF ที่เก็บไว้ใน Library ด้วยนะครับ แต่สำหรับบริการฟรีนั้นจะเก็บได้แค่ 100 เมกะไบต์ (นับเฉพาะไฟล์ต่างๆ ไม่นับจำนวน Reference) ถ้าต้องการเก็บเพิ่มเติมก็สามารถซื้อเพิ่มกันได้ครับ


ยังไงลองใช้กันดูนะครับ :)

06 ธันวาคม 2552

Clinical Epidemiology Short Course

พักนี้ไม่ค่อยจะว่างเขียนเรื่องใหม่ๆ ให้อ่านกันเท่าไหร่ครับ

แต่ว่าพอดีทางหน่วยระบาดวิทยาคลินิกและชีวสถิติ รามาฯ ที่ผมเรียน (และทำงาน) ได้อัดเทปการสอนเกี่ยวกับคอร์สสำหรับ Resident ที่ว่าด้วยเรื่อง Epidemiology และ Statistics ครับ ก็เลยเอามาฝากกัน

ไปดูกันได้ที่หน้าเว็บของหน่วยฯ ได้ที่นี่เลยครับ: http://www.ra.mahidol.ac.th/en/dpt/CEB/shortcourse_residenten

12 ตุลาคม 2552

ชนิดของตัวแปร


ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการวัด ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ในทางการวิจัยเราจะเรียกมันว่า "ตัวแปร" (variable) ครับ เช่นง่ายๆ ผมทำสำรวจการเรื่องการได้ยินในนักดนตรี ตัวแปรพวกนี้ที่เจอบ่อยๆ ก็เช่น เพศ อายุ นอกจากนี้ก็จะเป็นตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเราครับ นั่นคือของผมก็อาจจะเป็น ระดับการได้ยินเฉลี่ยในหูซ้ายและหูขวาในปัจจุบัน, ระดับเสียงที่ได้ยินโดยเฉลี่ยต่อวัน, จำนวนชั่วโมงที่เล่นเพลง, รูปแบบเพลงที่ชอบเล่น, ประวัติเคยใช้เครื่องช่วยฟังมาก่อนหรือไม่, ประวัติการได้ยินผิดปกติในญาติ


ตัวแปรต่างๆ เราจะต้องทำความเข้าใจมันก่อนว่ามันเป็นตัวแปรแบบไหน ทั้งนี้เพื่อที่จะได้รู้ต่อไปว่า ควรจะแปลความหมายมันอย่างไร จะแสดงผลเป็นกราฟแบบไหน จะใช้การทดสอบทางสถิติตัวไหนมาทดสอบความแตกต่างในแต่ละกลุ่ม และจะแปลความหมายผลการทดสอบนั้นอย่างไรครับ


ตัวแปรที่พบกันบ่อยๆ นั้นสามารถแยกได้สองกลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือ



  • ตัวแปรแบบกลุ่ม (Categorical Data) พวกนี้ แต่ละกลุ่มก็มีความหมายของตัวมันเอง ซึ่งแบ่งย่อยได้สองกลุ่ม คือ

    • Nominal แต่ละกลุ่มเป็นอิสระต่อกัน ไม่ค่อยเกี่ยวกัน ไม่เป็นลำดับ (order) เช่น เพศ รูปแบบเพลงที่ชอบเล่น (พูดง่ายๆ คือไม่ใช่ว่าเพศหญิงมีค่ามากกว่าเพศชาย หรือเพลงร็อกมีความมายมากกว่าเพลงเพื่อชีวิต) สำหรับตัวแปรชนิดนี้ ถ้ามีสองคำตอบ เช่น ใช่ หรือไม่ใช่ จะเรียกว่าเป็น Dichotomous หรือ Binary ครับ เช่นในตัวอย่างที่ผมยกนั้นคือตัวแปรที่บอกว่า "เคยใช้เครื่องช่วยฟังมาก่อนหรือไม่" นั้นคำตอบมีแค่ "ใช่" กับ "ไม่ใช่" เป็นต้นครับ

    • Ordinal พวกนี้จะมีลำดับขั้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าขั้นไหนมากกว่าขั้นไหนได้อย่างชัดเจน (คือแต่ละขั้นมันอาจไม่เท่ากันก็ได้) ยกตัวอย่างพวกนี้เช่น ระดับความดังของเสียงผิดปกติของหัวใจ (เกรด I, II, III, ฯลฯ) ก็ไม่ได้หมายความว่า เสียงหัวใจเกรด II มากกว่าเกรด I ซักเท่าไหร่ เป็นต้น



  • ตัวแปรแบบช่วง (Interval Data) พวกนี้มักจะมีลำดับขั้นของมัน และเป็นลำดับขั้นที่แบ่งอย่างเท่าๆ พอๆ กัน แบ่งออกอีกเป็นสองกลุ่มครับ

    • Continuous ง่ายๆ คือพวกนี้เป็นตัวแปรที่สามารถจุดย่อยลงไปได้อีกเรื่อยๆ เช่น ระดับการได้ยินมีทั้งได้ยินที่ 25 dB, ได้ยินที่ 40.0056 dB เป็นต้น บางคนยังได้แยกตัวแปรที่มี "ศูนย์ที่แปลว่าไม่มี" ออกไปอีกเรียกว่า Ratio ครับ เช่นความยาวของขน (ยาว=0 หมายถึงไม่มีความยาวจริงๆ) เป็นต้น

    • Discrete คือเป็นสเกลที่แบ่งชัดเจน พวกนี้มีระยะห่างกันชัด (หรือสเกลแต่ละช่วงไฟมันเท่ากัน) ครับ เช่น จำนวนบุตร ก็ตอบ 1 2 3 4 ไม่มีใครตอบ 1.25 และเราก็รู้ว่า 2 มากกว่า 1 อยู่ 1 คน, 4 มากกว่า 1 อยู่ 3 คน เป็นต้นครับ




พอจะเข้าใจไหมครับ ยังไงลองมาคิดดูนะครับ ว่าตัวแปรต่อไปนี้เป็นตัวแปรแบบไหน



  • น้ำหนักของผู้ป่วย เช่น 60kg, 50.25kg, 40.7kg, ...

  • จำนวนบล็อกที่ผมเขียนในแต่ละเดือน เช่น 0, 1, 3, ...

  • จำนวนก้อนมะเร็งที่คอ เช่น 1 ก้อน, 2 ก้อน, 0 ก้อน, ...

  • ชนิดของมะเร็งที่ศีรษะที่พบในคนไทย เช่น มะเร็งโพรงจมูก, มะเร็งต่อมน้ำลาย, มะเร็งกล่องเสียง...

  • ลักษณะของเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ เช่น 1+, 3+, 4+, ...


.

.

.

.

.

.

เฉลยนะครับ



  • น้ำหนัก เป็น continuous interval data ครับ เพราะมันสามารถจุดย่อยลงไปได้เรื่อยๆ และมีความหมาย นอกจากนี้ถ้าแยกย่อย มันก็คือ ratio เพราะมันมี 0 แท้จริงครับ (0 kg = ไม่มีน้ำหนัก)

  • จำนวนบล็อก เป็น discrete interval data ครับ เพราะไม่มีเขียนบล็อก 1.05 บล็อกแน่ๆ แต่ความแตกต่างระหว่างเขียน 3 กับ 2 บล็อก มันเหมือนกันกับความแตกต่างระหว่างเขียน 8 กับ 7 บล็อก (นั่นคือ สเกลมันเท่ากันตลอดนั่นเอง)

  • จำนวนก้อนมะเร็งที่คอ เป็น discrete interval data เหมือนกัน

  • ชนิดของมะเร็ง เป็น nominal เพราะไม่รู้ว่าจะเรียงมะเร็งอันไหนมาก่อนมาหลังดี มันก็สำคัญเท่าๆ กันไปหมด

  • ลักษณะของเม็ดเลือดแดง เป็น ordinal ครับเพราะว่า เรียงได้ 0 1+ 2+ 3+ 4+ แต่ว่า 1+ เทียบกับกับ 0 อาจจะไม่เท่ากับ 4+ เทียบ 3+


งงไหมครับ จริงๆ รู้แค่ว่าเป็น continuous หรือ categorical ก็เพียงพอต่อการเลือกสถิติเข้าใช้ครับ ไว้ต่อไปผมจะเขียนเรื่องที่เกี่ยวข้องนะครับ :)